ข้อสอบ TOEFL การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่คุณควรรู้จัก

by admin
15 views

ข้อสอบ TOEFL (Test of English as a Foreign Language) เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ข้อสอบนี้แบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่ Reading, Listening, Speaking และ Writing โดยมีรายละเอียดดังนี้:

ส่วนที่ 1: Reading

Reading ใน ข้อสอบ TOEFL ประกอบด้วย 3-4 บทความ โดยแต่ละบทความจะมีความยาวประมาณ 700 คำ และมีคำถามประมาณ 10 ข้อต่อบทความ ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 54-72 นาที ข้อสอบจะเน้นการอ่านเพื่อหาข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง การจับใจความสำคัญ การวิเคราะห์และสรุปเนื้อหา ตัวอย่างคำถามได้แก่

  • คำถามประเภท factual information: “What does the passage say about the migration patterns of birds?” คำถามประเภทนี้จะถามเกี่ยวกับข้อมูลที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาในบทความ ผู้เข้าสอบต้องหาและตอบข้อมูลที่ปรากฏในบทความ
  • คำถามประเภท inference: “What can be inferred about the author’s opinion on climate change?” คำถามประเภทนี้จะถามเกี่ยวกับข้อสรุปที่สามารถตีความได้จากเนื้อหาของบทความ ผู้เข้าสอบต้องใช้เหตุผลและความเข้าใจในการสรุปความเห็นของผู้เขียน

ส่วนที่ 2: Listening

Listening ใน ข้อสอบ TOEFL ประกอบด้วย 2-3 บทสนทนา (conversation) และ 3-4 บทพูด (lecture) โดยแต่ละบทสนทนาจะมีคำถาม 5 ข้อ และแต่ละบทพูดจะมีคำถาม 6 ข้อ ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 41-57 นาที ข้อสอบจะเน้นการฟังเพื่อจับใจความสำคัญ การทำความเข้าใจรายละเอียด และการสรุปเนื้อหาจากสิ่งที่ได้ฟัง ตัวอย่างคำถามได้แก่

  • คำถามประเภท main idea: “What is the main topic of the lecture?” คำถามประเภทนี้จะถามเกี่ยวกับหัวข้อหลักของการบรรยาย ผู้เข้าสอบต้องระบุหัวข้อหลักที่บรรยาย
  • คำถามประเภท detail: “According to the conversation, why did the student visit the professor’s office?” คำถามประเภทนี้จะถามเกี่ยวกับรายละเอียดในบทสนทนา ผู้เข้าสอบต้องตอบคำถามตามข้อมูลที่ได้ยิน

ส่วนที่ 3: Speaking

Speaking ใน ข้อสอบ TOEFL ประกอบด้วย 4 งาน (tasks) ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 17 นาที โดยแบ่งเป็น 1 งานที่ต้องพูดเกี่ยวกับหัวข้อทั่วไป (independent task) และ 3 งานที่ต้องพูดเกี่ยวกับหัวข้อที่กำหนด (integrated tasks) ซึ่งรวมถึงการอ่านและฟังบทความสั้นๆ แล้วตอบคำถาม ตัวอย่างเช่น

  • Independent task: “Describe a book you have read recently and explain why you liked it.” ผู้เข้าสอบต้องพูดเกี่ยวกับหนังสือที่เพิ่งอ่านและอธิบายเหตุผลที่ชอบ
  • Integrated task: อ่านบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีในห้องเรียน แล้วฟังการบรรยายเกี่ยวกับหัวข้อเดียวกัน จากนั้นพูดเปรียบเทียบข้อมูลจากสองแหล่ง ผู้เข้าสอบต้องวิเคราะห์และเปรียบเทียบข้อมูลจากบทความและการบรรยาย

ส่วนที่ 4: Writing

Writing ใน ข้อสอบ TOEFL ประกอบด้วย 2 งาน (tasks) ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 50 นาที โดยแบ่งเป็น 1 งานที่ต้องเขียนบรรยายข้อมูลจากการอ่านและการฟัง (integrated task) และ 1 งานที่ต้องเขียนเรียงความ (independent task) ตัวอย่างเช่น

  • Integrated task: อ่านบทความเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม แล้วฟังการบรรยายที่ขัดแย้งกับบทความ จากนั้นเขียนสรุปข้อมูลจากทั้งสองแหล่ง ผู้เข้าสอบต้องวิเคราะห์และสรุปข้อมูลจากบทความและการบรรยายอย่างมีเหตุผล
  • Independent task: “Do you agree or disagree with the following statement: Technology has made our lives easier. Use specific reasons and examples to support your answer.” ผู้เข้าสอบต้องเขียนเรียงความที่แสดงความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับเทคโนโลยีและยกตัวอย่างเพื่อสนับสนุนความเห็นนั้น

คะแนนและการประเมินผล

ข้อสอบ TOEFL ใช้ระบบคะแนนแบบรวม 0-120 คะแนน โดยแบ่งเป็น 4 ส่วนคือ Reading, Listening, Speaking และ Writing แต่ละส่วนมีคะแนนเต็ม 30 คะแนน การประเมินผลจะดูจากความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในแต่ละทักษะ ตัวอย่างเช่น

  • Reading: คะแนนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการอ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อน การระบุข้อมูลสำคัญ การวิเคราะห์และสรุปเนื้อหา
  • Listening: คะแนนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการฟังและจับใจความสำคัญจากบทสนทนาและการบรรยาย การทำความเข้าใจรายละเอียดและการสรุปเนื้อหาจากสิ่งที่ได้ฟัง
  • Speaking: คะแนนจะขึ้นอยู่กับความชัดเจนและความคล่องแคล่วในการพูด การจัดโครงสร้างคำตอบและการใช้คำศัพท์ที่เหมาะสม การแสดงความเห็นและการสนับสนุนความเห็นด้วยตัวอย่างที่เหมาะสม
  • Writing: คะแนนจะขึ้นอยู่กับความชัดเจนและความสมบูรณ์ในการเขียน การจัดโครงสร้างคำตอบ การใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ที่ถูกต้อง การวิเคราะห์และสรุปข้อมูลจากแหล่งที่มา และการแสดงความเห็นส่วนตัวพร้อมยกตัวอย่าง

การทำความเข้าใจโครงสร้างและรายละเอียดของ ข้อสอบ TOEFL จะช่วยให้ผู้เข้าสอบสามารถเตรียมตัวและวางแผนการทำข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกฝนและการทำแบบฝึกหัดจากข้อสอบเก่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและประสบความสำเร็จในการสอบ TOEFL

ราคาค่าสอบ TOEFL

ราคาค่าสอบ ข้อสอบ TOEFL จะแตกต่างกันไปตามประเทศและศูนย์สอบ โดยปกติแล้วค่าสอบจะอยู่ที่ประมาณ 180-250 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงค่าสอบทุกพาร์ท (Reading, Listening, Speaking, และ Writing) ตัวอย่างเช่น ในประเทศไทย ค่าสอบมักจะอยู่ที่ประมาณ 215 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,000 บาท ราคาค่าสอบนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามอัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมของศูนย์สอบแต่ละแห่ง

ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม

นอกจากค่าสอบพื้นฐานแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในบางกรณี เช่น

  • การเลื่อนสอบ: หากต้องการเลื่อนวันที่สอบ จะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมประมาณ 60 ดอลลาร์สหรัฐ
  • การขอคะแนนเพิ่มเติม: หากต้องการส่งคะแนนไปยังสถาบันหรือองค์กรเพิ่มเติมจากที่ระบุในตอนสมัครสอบ จะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อสถาบัน
  • การขอใบคะแนนซ้ำ: หากต้องการขอใบคะแนนซ้ำ (Additional Score Report) จะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อฉบับ

วิธีการสมัครสอบ TOEFL

การสมัครสอบ ข้อสอบ TOEFL สามารถทำได้ผ่านทางออนไลน์และศูนย์สอบต่างๆ ที่ได้รับการรับรอง โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. สร้างบัญชีผู้ใช้

เข้าไปที่เว็บไซต์ของ ETS (Educational Testing Service) ที่ www.ets.org/toefl และสร้างบัญชีผู้ใช้ กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, และหมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลเหล่านี้จะใช้ในการติดต่อและส่งใบคะแนน

2. เลือกวันที่และสถานที่สอบ

เลือกวันที่และสถานที่สอบที่ต้องการจากตัวเลือกที่มีให้ ระบบจะเสนอวันที่และสถานที่สอบที่ใกล้ที่สุดตามที่อยู่ที่กรอกในบัญชีผู้ใช้ เลือกวันและสถานที่ที่สะดวกที่สุด

3. ชำระเงินค่าสอบ

ชำระเงินค่าสอบผ่านระบบออนไลน์ด้วยบัตรเครดิต (Visa, MasterCard, American Express) หรือวิธีการชำระเงินอื่นๆ ที่ศูนย์สอบกำหนด เช่น PayPal หรือ e-check เมื่อชำระเงินเสร็จสิ้น ระบบจะส่งอีเมลยืนยันการสมัครสอบพร้อมรายละเอียดสถานที่และเวลาสอบ

4. ยืนยันการสมัครสอบ

ตรวจสอบรายละเอียดการสมัครสอบและยืนยันการสมัคร ระบบจะส่งอีเมลยืนยันการสมัครสอบพร้อมรายละเอียดสถานที่และเวลาสอบ ผู้สมัครควรพิมพ์ใบยืนยันการสมัครสอบและนำมาในวันสอบ

ขั้นตอนการสอบ TOEFL

1. มาถึงสถานที่สอบ

มาถึงสถานที่สอบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 นาที เพื่อทำการลงทะเบียนและตรวจสอบเอกสาร การมาถึงล่าช้าอาจทำให้เสียสิทธิ์ในการสอบ

2. ลงทะเบียนและตรวจสอบเอกสาร

ยื่นบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตที่ใช้ในการสมัครสอบ และรับบัตรผู้เข้าสอบ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารและบัตรประจำตัวเพื่อยืนยันตัวตน

3. เข้าสู่ห้องสอบ

ทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และเข้าสู่ห้องสอบตามเวลาที่กำหนด เจ้าหน้าที่จะแจกอุปกรณ์การสอบ เช่น หูฟัง และคอมพิวเตอร์สำหรับทำข้อสอบ

4. ทำข้อสอบ Reading, Listening, Speaking และ Writing

ข้อสอบแต่ละพาร์ทจะถูกจัดสอบในวันเดียวกัน โดยเริ่มจาก Reading, Listening, Speaking และปิดท้ายด้วย Writing การจัดสอบในลักษณะนี้ช่วยให้ผู้เข้าสอบสามารถทำข้อสอบได้อย่างต่อเนื่องและประหยัดเวลา

ระยะเวลารอผลสอบ

ผลสอบ ข้อสอบ TOEFL จะออกภายใน 6-10 วันทำการหลังจากวันที่สอบ ผู้เข้าสอบสามารถตรวจสอบสถานะผลสอบได้ผ่านทางเว็บไซต์ของ ETS

การตรวจสอบผลสอบออนไลน์

ผู้เข้าสอบสามารถตรวจสอบผลสอบออนไลน์ได้ผ่านเว็บไซต์ของ ETS โดยใช้หมายเลขผู้เข้าสอบและหมายเลขพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชน ระบบจะแสดงคะแนนในแต่ละพาร์ท (Reading, Listening, Speaking และ Writing) และคะแนนรวม

การรับใบคะแนน (Score Report)

ผู้เข้าสอบจะได้รับใบคะแนนทางไปรษณีย์หรือสามารถดาวน์โหลดใบคะแนนในรูปแบบ PDF ผ่านระบบออนไลน์ ใบคะแนนนี้สามารถใช้ยื่นสมัครมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานที่ต้องการได้

การส่งคะแนนไปยังสถาบัน

ETS สามารถส่งใบคะแนนไปยังสถาบันหรือองค์กรที่ต้องการได้ตามที่ระบุในแบบฟอร์มสมัครสอบ โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่ต้องการส่งคะแนนไปยังหลายสถาบัน โดยผู้สมัครสามารถเลือกส่งคะแนนได้สูงสุด 4 สถาบันในตอนสมัครสอบโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หากต้องการส่งคะแนนเพิ่มเติมจะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อสถาบัน

 

 Thaistudygood แหล่งข้อมูลออนไลน์ที่ครบวงจรเกี่ยวกับการศึกษา ที่นี่เรามุ่งมั่นที่จะให้ความรู้ คำแนะนำ และเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อช่วยให้คุณสามารถพัฒนาความรู้และทักษะในหลากหลายด้าน

@2024 – PenciDesign. All Right Reserved. Designed and Developed by thaistudygood