ข้อสอบ TOEFL (Test of English as a Foreign Language) เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ข้อสอบนี้แบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่ Reading, Listening, Speaking และ Writing โดยมีรายละเอียดดังนี้:
ส่วนที่ 1: Reading
Reading ใน ข้อสอบ TOEFL ประกอบด้วย 3-4 บทความ โดยแต่ละบทความจะมีความยาวประมาณ 700 คำ และมีคำถามประมาณ 10 ข้อต่อบทความ ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 54-72 นาที ข้อสอบจะเน้นการอ่านเพื่อหาข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง การจับใจความสำคัญ การวิเคราะห์และสรุปเนื้อหา ตัวอย่างคำถามได้แก่
- คำถามประเภท factual information: “What does the passage say about the migration patterns of birds?” คำถามประเภทนี้จะถามเกี่ยวกับข้อมูลที่ชัดเจนและตรงไปตรงมาในบทความ ผู้เข้าสอบต้องหาและตอบข้อมูลที่ปรากฏในบทความ
- คำถามประเภท inference: “What can be inferred about the author’s opinion on climate change?” คำถามประเภทนี้จะถามเกี่ยวกับข้อสรุปที่สามารถตีความได้จากเนื้อหาของบทความ ผู้เข้าสอบต้องใช้เหตุผลและความเข้าใจในการสรุปความเห็นของผู้เขียน
ส่วนที่ 2: Listening
Listening ใน ข้อสอบ TOEFL ประกอบด้วย 2-3 บทสนทนา (conversation) และ 3-4 บทพูด (lecture) โดยแต่ละบทสนทนาจะมีคำถาม 5 ข้อ และแต่ละบทพูดจะมีคำถาม 6 ข้อ ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 41-57 นาที ข้อสอบจะเน้นการฟังเพื่อจับใจความสำคัญ การทำความเข้าใจรายละเอียด และการสรุปเนื้อหาจากสิ่งที่ได้ฟัง ตัวอย่างคำถามได้แก่
- คำถามประเภท main idea: “What is the main topic of the lecture?” คำถามประเภทนี้จะถามเกี่ยวกับหัวข้อหลักของการบรรยาย ผู้เข้าสอบต้องระบุหัวข้อหลักที่บรรยาย
- คำถามประเภท detail: “According to the conversation, why did the student visit the professor’s office?” คำถามประเภทนี้จะถามเกี่ยวกับรายละเอียดในบทสนทนา ผู้เข้าสอบต้องตอบคำถามตามข้อมูลที่ได้ยิน
ส่วนที่ 3: Speaking
Speaking ใน ข้อสอบ TOEFL ประกอบด้วย 4 งาน (tasks) ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 17 นาที โดยแบ่งเป็น 1 งานที่ต้องพูดเกี่ยวกับหัวข้อทั่วไป (independent task) และ 3 งานที่ต้องพูดเกี่ยวกับหัวข้อที่กำหนด (integrated tasks) ซึ่งรวมถึงการอ่านและฟังบทความสั้นๆ แล้วตอบคำถาม ตัวอย่างเช่น
- Independent task: “Describe a book you have read recently and explain why you liked it.” ผู้เข้าสอบต้องพูดเกี่ยวกับหนังสือที่เพิ่งอ่านและอธิบายเหตุผลที่ชอบ
- Integrated task: อ่านบทความเกี่ยวกับเทคโนโลยีในห้องเรียน แล้วฟังการบรรยายเกี่ยวกับหัวข้อเดียวกัน จากนั้นพูดเปรียบเทียบข้อมูลจากสองแหล่ง ผู้เข้าสอบต้องวิเคราะห์และเปรียบเทียบข้อมูลจากบทความและการบรรยาย
ส่วนที่ 4: Writing
Writing ใน ข้อสอบ TOEFL ประกอบด้วย 2 งาน (tasks) ใช้เวลาในการทำข้อสอบ 50 นาที โดยแบ่งเป็น 1 งานที่ต้องเขียนบรรยายข้อมูลจากการอ่านและการฟัง (integrated task) และ 1 งานที่ต้องเขียนเรียงความ (independent task) ตัวอย่างเช่น
- Integrated task: อ่านบทความเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม แล้วฟังการบรรยายที่ขัดแย้งกับบทความ จากนั้นเขียนสรุปข้อมูลจากทั้งสองแหล่ง ผู้เข้าสอบต้องวิเคราะห์และสรุปข้อมูลจากบทความและการบรรยายอย่างมีเหตุผล
- Independent task: “Do you agree or disagree with the following statement: Technology has made our lives easier. Use specific reasons and examples to support your answer.” ผู้เข้าสอบต้องเขียนเรียงความที่แสดงความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับเทคโนโลยีและยกตัวอย่างเพื่อสนับสนุนความเห็นนั้น
คะแนนและการประเมินผล
ข้อสอบ TOEFL ใช้ระบบคะแนนแบบรวม 0-120 คะแนน โดยแบ่งเป็น 4 ส่วนคือ Reading, Listening, Speaking และ Writing แต่ละส่วนมีคะแนนเต็ม 30 คะแนน การประเมินผลจะดูจากความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในแต่ละทักษะ ตัวอย่างเช่น
- Reading: คะแนนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการอ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาที่ซับซ้อน การระบุข้อมูลสำคัญ การวิเคราะห์และสรุปเนื้อหา
- Listening: คะแนนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการฟังและจับใจความสำคัญจากบทสนทนาและการบรรยาย การทำความเข้าใจรายละเอียดและการสรุปเนื้อหาจากสิ่งที่ได้ฟัง
- Speaking: คะแนนจะขึ้นอยู่กับความชัดเจนและความคล่องแคล่วในการพูด การจัดโครงสร้างคำตอบและการใช้คำศัพท์ที่เหมาะสม การแสดงความเห็นและการสนับสนุนความเห็นด้วยตัวอย่างที่เหมาะสม
- Writing: คะแนนจะขึ้นอยู่กับความชัดเจนและความสมบูรณ์ในการเขียน การจัดโครงสร้างคำตอบ การใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ที่ถูกต้อง การวิเคราะห์และสรุปข้อมูลจากแหล่งที่มา และการแสดงความเห็นส่วนตัวพร้อมยกตัวอย่าง
การทำความเข้าใจโครงสร้างและรายละเอียดของ ข้อสอบ TOEFL จะช่วยให้ผู้เข้าสอบสามารถเตรียมตัวและวางแผนการทำข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกฝนและการทำแบบฝึกหัดจากข้อสอบเก่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและประสบความสำเร็จในการสอบ TOEFL
ราคาค่าสอบ TOEFL
ราคาค่าสอบ ข้อสอบ TOEFL จะแตกต่างกันไปตามประเทศและศูนย์สอบ โดยปกติแล้วค่าสอบจะอยู่ที่ประมาณ 180-250 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงค่าสอบทุกพาร์ท (Reading, Listening, Speaking, และ Writing) ตัวอย่างเช่น ในประเทศไทย ค่าสอบมักจะอยู่ที่ประมาณ 215 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,000 บาท ราคาค่าสอบนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามอัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมของศูนย์สอบแต่ละแห่ง
ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
นอกจากค่าสอบพื้นฐานแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในบางกรณี เช่น
- การเลื่อนสอบ: หากต้องการเลื่อนวันที่สอบ จะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมประมาณ 60 ดอลลาร์สหรัฐ
- การขอคะแนนเพิ่มเติม: หากต้องการส่งคะแนนไปยังสถาบันหรือองค์กรเพิ่มเติมจากที่ระบุในตอนสมัครสอบ จะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อสถาบัน
- การขอใบคะแนนซ้ำ: หากต้องการขอใบคะแนนซ้ำ (Additional Score Report) จะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อฉบับ
วิธีการสมัครสอบ TOEFL
การสมัครสอบ ข้อสอบ TOEFL สามารถทำได้ผ่านทางออนไลน์และศูนย์สอบต่างๆ ที่ได้รับการรับรอง โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. สร้างบัญชีผู้ใช้
เข้าไปที่เว็บไซต์ของ ETS (Educational Testing Service) ที่ www.ets.org/toefl และสร้างบัญชีผู้ใช้ กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, และหมายเลขโทรศัพท์ ข้อมูลเหล่านี้จะใช้ในการติดต่อและส่งใบคะแนน
2. เลือกวันที่และสถานที่สอบ
เลือกวันที่และสถานที่สอบที่ต้องการจากตัวเลือกที่มีให้ ระบบจะเสนอวันที่และสถานที่สอบที่ใกล้ที่สุดตามที่อยู่ที่กรอกในบัญชีผู้ใช้ เลือกวันและสถานที่ที่สะดวกที่สุด
3. ชำระเงินค่าสอบ
ชำระเงินค่าสอบผ่านระบบออนไลน์ด้วยบัตรเครดิต (Visa, MasterCard, American Express) หรือวิธีการชำระเงินอื่นๆ ที่ศูนย์สอบกำหนด เช่น PayPal หรือ e-check เมื่อชำระเงินเสร็จสิ้น ระบบจะส่งอีเมลยืนยันการสมัครสอบพร้อมรายละเอียดสถานที่และเวลาสอบ
4. ยืนยันการสมัครสอบ
ตรวจสอบรายละเอียดการสมัครสอบและยืนยันการสมัคร ระบบจะส่งอีเมลยืนยันการสมัครสอบพร้อมรายละเอียดสถานที่และเวลาสอบ ผู้สมัครควรพิมพ์ใบยืนยันการสมัครสอบและนำมาในวันสอบ
ขั้นตอนการสอบ TOEFL
1. มาถึงสถานที่สอบ
มาถึงสถานที่สอบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 นาที เพื่อทำการลงทะเบียนและตรวจสอบเอกสาร การมาถึงล่าช้าอาจทำให้เสียสิทธิ์ในการสอบ
2. ลงทะเบียนและตรวจสอบเอกสาร
ยื่นบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตที่ใช้ในการสมัครสอบ และรับบัตรผู้เข้าสอบ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารและบัตรประจำตัวเพื่อยืนยันตัวตน
3. เข้าสู่ห้องสอบ
ทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และเข้าสู่ห้องสอบตามเวลาที่กำหนด เจ้าหน้าที่จะแจกอุปกรณ์การสอบ เช่น หูฟัง และคอมพิวเตอร์สำหรับทำข้อสอบ
4. ทำข้อสอบ Reading, Listening, Speaking และ Writing
ข้อสอบแต่ละพาร์ทจะถูกจัดสอบในวันเดียวกัน โดยเริ่มจาก Reading, Listening, Speaking และปิดท้ายด้วย Writing การจัดสอบในลักษณะนี้ช่วยให้ผู้เข้าสอบสามารถทำข้อสอบได้อย่างต่อเนื่องและประหยัดเวลา
ระยะเวลารอผลสอบ
ผลสอบ ข้อสอบ TOEFL จะออกภายใน 6-10 วันทำการหลังจากวันที่สอบ ผู้เข้าสอบสามารถตรวจสอบสถานะผลสอบได้ผ่านทางเว็บไซต์ของ ETS
การตรวจสอบผลสอบออนไลน์
ผู้เข้าสอบสามารถตรวจสอบผลสอบออนไลน์ได้ผ่านเว็บไซต์ของ ETS โดยใช้หมายเลขผู้เข้าสอบและหมายเลขพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชน ระบบจะแสดงคะแนนในแต่ละพาร์ท (Reading, Listening, Speaking และ Writing) และคะแนนรวม
การรับใบคะแนน (Score Report)
ผู้เข้าสอบจะได้รับใบคะแนนทางไปรษณีย์หรือสามารถดาวน์โหลดใบคะแนนในรูปแบบ PDF ผ่านระบบออนไลน์ ใบคะแนนนี้สามารถใช้ยื่นสมัครมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานที่ต้องการได้
การส่งคะแนนไปยังสถาบัน
ETS สามารถส่งใบคะแนนไปยังสถาบันหรือองค์กรที่ต้องการได้ตามที่ระบุในแบบฟอร์มสมัครสอบ โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่ต้องการส่งคะแนนไปยังหลายสถาบัน โดยผู้สมัครสามารถเลือกส่งคะแนนได้สูงสุด 4 สถาบันในตอนสมัครสอบโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หากต้องการส่งคะแนนเพิ่มเติมจะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อสถาบัน