ข้อสอบ IELTS เจาะลึกทุกพาร์ทอย่างละเอียด

by admin
32 views

ข้อสอบ IELTS (International English Language Testing System) เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ข้อสอบนี้แบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ได้แก่ Listening, Reading, Writing และ Speaking

ส่วนที่ 1: Listening

Listening ใน ข้อสอบ IELTS ประกอบด้วย 4 ส่วน รวม 40 ข้อ ใช้เวลา 30 นาที โดยจะมีการฟังบทสนทนาและบทพูดจากแหล่งต่างๆ แล้วตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ส่วนที่ 1: บทสนทนาระหว่างสองคนในสถานการณ์ทั่วไป เช่น การสนทนาเรื่องการจองโรงแรมหรือการนัดหมาย คำถามในส่วนนี้จะค่อนข้างตรงไปตรงมา เช่น “The woman wants to book a room for which dates?” แล้วผู้เข้าสอบต้องตอบว่า “From April 15th to 17th”
  • ส่วนที่ 2: บทพูดคนเดียวที่เกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไป เช่น การบรรยายเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวหรือการแนะนำบริการ คำถามในส่วนนี้มักจะเป็นการเลือกคำตอบที่ถูกต้องหรือเติมคำในช่องว่าง เช่น “The speaker describes the museum’s main attraction as…” แล้วเลือกคำตอบจากตัวเลือกที่ให้มา
  • ส่วนที่ 3: บทสนทนาระหว่างสองถึงสี่คนในสถานการณ์ทางการศึกษา เช่น การสนทนาเรื่องโครงงานหรือการวิจัย คำถามในส่วนนี้มักจะเป็นการจับใจความสำคัญของบทสนทนา เช่น “What is the main purpose of the group’s project?”
  • ส่วนที่ 4: บทพูดคนเดียวเกี่ยวกับหัวข้อทางวิชาการ เช่น การบรรยายในมหาวิทยาลัยหรือการอธิบายทฤษฎี คำถามในส่วนนี้มักจะยากขึ้นและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ซับซ้อน เช่น “What does the lecturer say about the theory’s application in real life?”

ส่วนที่ 2: Reading

Reading ใน ข้อสอบ IELTS แบ่งเป็น 3 ส่วน รวม 40 ข้อ ใช้เวลา 60 นาที โดยเนื้อหาที่อ่านจะมาจากบทความหรือข้อความที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและการทำงาน โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ส่วนที่ 1: ข้อความสั้นๆ 3 ข้อความที่เกี่ยวกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น ประกาศข่าวหรือโฆษณา คำถามในส่วนนี้มักจะเป็นการหาข้อมูลเฉพาะจากข้อความ เช่น “According to the notice, when will the library be closed?”
  • ส่วนที่ 2: ข้อความยาวๆ 2 ข้อความที่เกี่ยวกับหัวข้อทั่วไป เช่น บทความจากนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์ คำถามในส่วนนี้มักจะเป็นการจับใจความสำคัญของข้อความ เช่น “What is the main idea of the second paragraph?”
  • ส่วนที่ 3: ข้อความยาวๆ 1 ข้อความที่มีความซับซ้อนและเชิงวิชาการมากขึ้น เช่น บทความวิจัยหรือบทวิเคราะห์ คำถามในส่วนนี้มักจะยากขึ้นและต้องการการวิเคราะห์เชิงลึก เช่น “What evidence does the author provide to support their argument?”

ส่วนที่ 3: Writing

Writing ใน ข้อสอบ IELTS ประกอบด้วย 2 ส่วน ใช้เวลา 60 นาที โดยจะเป็นการเขียนบรรยายข้อมูลและเรียงความ โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ส่วนที่ 1: การเขียนบรรยายข้อมูลจากกราฟ แผนภูมิ หรือแผนที่ ใช้เวลา 20 นาที ควรเขียนอย่างน้อย 150 คำ ผู้เข้าสอบต้องสามารถวิเคราะห์และสรุปข้อมูลที่ได้รับอย่างถูกต้องและชัดเจน เช่น การเขียนบรรยายข้อมูลจากกราฟแท่งเกี่ยวกับการใช้พลังงานในประเทศต่างๆ เช่น “The graph shows the energy consumption in four different countries over the past decade. Describe the main trends and differences.”
  • ส่วนที่ 2: การเขียนเรียงความหรือบทความตามหัวข้อที่กำหนด ใช้เวลา 40 นาที ควรเขียนอย่างน้อย 250 คำ ผู้เข้าสอบต้องสามารถนำเสนอความคิดเห็นและอธิบายเหตุผลได้อย่างชัดเจนและมีโครงสร้าง เช่น การเขียนเรียงความเกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีต่อชีวิตประจำวัน เช่น “Discuss the impact of technology on daily life and provide examples to support your views.”

ส่วนที่ 4: Speaking

Speaking ใน ข้อสอบ IELTS ประกอบด้วย 3 ส่วน ใช้เวลา 11-14 นาที โดยผู้เข้าสอบจะพูดคุยกับผู้ทดสอบตามหัวข้อที่กำหนด โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ส่วนที่ 1: การแนะนำตัวและตอบคำถามทั่วไป ใช้เวลา 4-5 นาที ผู้ทดสอบจะถามคำถามที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เช่น “What is your name?”, “Where are you from?”, “What do you do?”, “What are your hobbies?”
  • ส่วนที่ 2: การพูดเกี่ยวกับหัวข้อที่กำหนด ใช้เวลา 3-4 นาที ผู้เข้าสอบจะได้รับการ์ดหัวข้อและมีเวลาคิด 1 นาที จากนั้นจะพูดเกี่ยวกับหัวข้อนั้นเป็นเวลา 2 นาที หัวข้ออาจจะเป็นการอธิบายเหตุการณ์หรือประสบการณ์ เช่น “Describe a memorable journey you have taken” หรือ “Talk about a book you have read recently”
  • ส่วนที่ 3: การอภิปรายหัวข้อเพิ่มเติมจากส่วนที่ 2 ใช้เวลา 4-5 นาที ผู้ทดสอบจะถามคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อที่พูดในส่วนที่ 2 และขอให้ผู้เข้าสอบแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เช่น “Why do people enjoy traveling?”, “How can reading benefit individuals?”

ข้อสอบ IELTS ประเภท Academic และ General Training

ข้อสอบ IELTS แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ Academic และ General Training ซึ่งทั้งสองประเภทมีความแตกต่างกันในบางส่วน โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ข้อสอบ IELTS Academic: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ ข้อสอบในส่วน Reading และ Writing จะมีความเชิงวิชาการมากกว่า ตัวอย่างเช่น ข้อความใน Reading อาจจะเป็นบทความวิจัยหรือบทวิเคราะห์ ส่วนการเขียนใน Writing Task 1 อาจจะเป็นการบรรยายข้อมูลจากกราฟที่ซับซ้อนมากขึ้น
  • ข้อสอบ IELTS General Training: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐานหรือทำงานในต่างประเทศ ข้อสอบในส่วน Reading และ Writing จะเน้นหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและชีวิตประจำวันมากกว่า ตัวอย่างเช่น ข้อความใน Reading อาจจะเป็นประกาศหรือจดหมายทั่วไป ส่วนการเขียนใน Writing Task 1 อาจจะเป็นการเขียนจดหมายหรือรายงานสถานการณ์ทั่วไป

ราคาค่าสอบ IELTS

ราคาค่าสอบ ข้อสอบ IELTS ในประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามสถานที่และประเภทของข้อสอบ โดยปกติแล้วค่าสอบจะอยู่ที่ประมาณ 6,900 ถึง 7,500 บาท ซึ่งรวมถึงค่าสอบทุกพาร์ท (Listening, Reading, Writing, และ Speaking)

วิธีการสมัครสอบ IELTS

การสมัครสอบ ข้อสอบ IELTS สามารถทำได้ผ่านทางออนไลน์และศูนย์สอบต่างๆ ที่ได้รับการรับรองในประเทศไทย โดยมีขั้นตอนดังนี้:

  1. เลือกประเภทและวันที่สอบ: เข้าไปที่เว็บไซต์ของศูนย์สอบ IELTS เช่น British Council หรือ IDP Thailand เลือกประเภทข้อสอบ (Academic หรือ General Training) และวันที่ต้องการสอบ
  2. สร้างบัญชีผู้ใช้: ลงทะเบียนและสร้างบัญชีผู้ใช้บนเว็บไซต์ศูนย์สอบ กรอกข้อมูลส่วนตัวและรายละเอียดที่จำเป็น
  3. กรอกแบบฟอร์มสมัครสอบ: กรอกแบบฟอร์มสมัครสอบออนไลน์ ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง
  4. ชำระเงินค่าสอบ: ชำระเงินค่าสอบผ่านระบบออนไลน์หรือที่ธนาคารที่กำหนด เมื่อชำระเงินเสร็จสิ้น ระบบจะส่งอีเมลยืนยันการสมัครสอบพร้อมรายละเอียดสถานที่และเวลาสอบ
  5. ตรวจสอบรายละเอียดการสอบ: ตรวจสอบรายละเอียดการสอบจากอีเมลยืนยัน และพิมพ์ใบยืนยันการสมัครสอบเพื่อนำมาในวันสอบ

ขั้นตอนการสอบ IELTS

  1. มาถึงสถานที่สอบ: มาถึงสถานที่สอบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 นาที เพื่อทำการลงทะเบียนและตรวจสอบเอกสาร
  2. ลงทะเบียนและตรวจสอบเอกสาร: ยื่นบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตที่ใช้ในการสมัครสอบ และรับบัตรผู้เข้าสอบ
  3. เข้าสู่ห้องสอบ: ทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่และเข้าสู่ห้องสอบตามเวลาที่กำหนด
  4. ทำข้อสอบ Listening, Reading และ Writing: ข้อสอบสามพาร์ทนี้จะถูกจัดสอบในช่วงเช้าหรือบ่ายของวันเดียวกัน โดยเริ่มจาก Listening, ต่อด้วย Reading และ Writing
  5. ทำข้อสอบ Speaking: ข้อสอบ Speaking อาจจะถูกจัดสอบในวันเดียวกันหรือวันอื่นที่กำหนด ผู้เข้าสอบจะได้รับการแจ้งเวลาสอบ Speaking ล่วงหน้า

การรอผลสอบและการรับผลสอบ

  1. ระยะเวลารอผลสอบ: ผลสอบ ข้อสอบ IELTS จะออกภายใน 13 วันทำการหลังจากวันที่สอบ
  2. การตรวจสอบผลสอบออนไลน์: ผู้เข้าสอบสามารถตรวจสอบผลสอบออนไลน์ได้ผ่านเว็บไซต์ของศูนย์สอบ โดยใช้หมายเลขผู้เข้าสอบและหมายเลขพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชน
  3. การรับใบคะแนน (TRF: Test Report Form): ผู้เข้าสอบจะได้รับใบคะแนนทางไปรษณีย์หรือสามารถมารับด้วยตนเองที่ศูนย์สอบ ใบคะแนนสามารถใช้ยื่นสมัครมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานที่ต้องการได้
  4. การส่งคะแนนไปยังสถาบัน: ศูนย์สอบสามารถส่งใบคะแนนไปยังสถาบันหรือองค์กรที่ต้องการได้ตามที่ระบุในแบบฟอร์มสมัครสอบ โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในกรณีที่ต้องการส่งคะแนนไปยังหลายสถาบัน

คะแนนและการประเมินผล

ข้อสอบ IELTS ใช้ระบบคะแนนแบบ Band Score ตั้งแต่ 0 ถึง 9 โดยแบ่งคะแนนออกเป็น 4 ส่วน คือ Listening, Reading, Writing และ Speaking คะแนนรวมจะเป็นค่าเฉลี่ยของทั้ง 4 ส่วน การประเมินผลจะดูจากความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในแต่ละทักษะ โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้

  • Band 9: Expert user (ผู้ใช้ภาษาอังกฤษในระดับเชี่ยวชาญ) สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและแม่นยำ
  • Band 8: Very good user (ผู้ใช้ภาษาอังกฤษในระดับดีมาก) มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้ดีมาก แต่ยังมีข้อผิดพลาดเล็กน้อย
  • Band 7: Good user (ผู้ใช้ภาษาอังกฤษในระดับดี) สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดี มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังมีข้อผิดพลาดบ้าง
  • Band 6: Competent user (ผู้ใช้ภาษาอังกฤษในระดับสามารถ) มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างพอเพียงในสถานการณ์ทั่วไป แต่ยังมีข้อผิดพลาดบ้าง
  • Band 5: Modest user (ผู้ใช้ภาษาอังกฤษในระดับพอใช้) มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้ในสถานการณ์ที่คุ้นเคย แต่ยังมีข้อผิดพลาดที่มีผลต่อการสื่อสาร
  • Band 4: Limited user (ผู้ใช้ภาษาอังกฤษในระดับจำกัด) สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างจำกัดในสถานการณ์ที่คุ้นเคย
  • Band 3: Extremely limited user (ผู้ใช้ภาษาอังกฤษในระดับจำกัดมาก) มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์ที่คุ้นเคยได้เพียงเล็กน้อย
  • Band 2: Intermittent user (ผู้ใช้ภาษาอังกฤษในระดับต่ำมาก) มีความสามารถในการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษในสถานการณ์พื้นฐาน
  • Band 1: Non-user (ผู้ที่ไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เลย) ไม่มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ยกเว้นการใช้คำเดี่ยวๆ
  • Band 0: Did not attempt the test (ไม่ได้เข้าสอบ) ไม่มีการให้คะแนนเนื่องจากไม่ได้เข้าสอบ

การทำความเข้าใจโครงสร้างและรายละเอียดของ ข้อสอบ IELTS จะช่วยให้ผู้เข้าสอบสามารถเตรียมตัวและวางแผนการทำข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ การฝึกฝนและการทำแบบฝึกหัดจากข้อสอบเก่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและประสบความสำเร็จในการสอบ IELTS


 Thaistudygood แหล่งข้อมูลออนไลน์ที่ครบวงจรเกี่ยวกับการศึกษา ที่นี่เรามุ่งมั่นที่จะให้ความรู้ คำแนะนำ และเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อช่วยให้คุณสามารถพัฒนาความรู้และทักษะในหลากหลายด้าน

@2024 – PenciDesign. All Right Reserved. Designed and Developed by thaistudygood